วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

ล้างพิษทำไม?

การล้างพิษนั้นมีสาเหตุมากมายหลายประการ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เข้าโปรแกรมการล้างพิษก็เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพ เพิ่มกำลังวังชา และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เป็นหนุ่มเป็นสาวได้อีกนาน ช่วยรักษาอาการป่วยป้องกันและรักษาโรคบางชนิดที่อาจเกิดขึ้น และช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตขึ้นอีกครั้ง คุณจะสามารถกำจัดของเสียต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้หมดสิ้นหรือเบาบางลงได้ การล้างพิษจะช่วยให้ชีวิตคุณปลอดจากสิ่งเสพติดต่างๆ และร่างกายสะอาด แข็งแรงขึ้น
เคยมีการสำรวจกลุ่มผู้ที่นิยมล้างพิษเป็นประจำ ได้ผลว่า หลังจากการล้างพิษกลุ่มคนเหล่านั้นมีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเพิ่มขึ้นช่วยให้สมองปลอดโปร่งมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น มีกำลังวังชาที่จะทำงานต่างๆ เพิ่มเติม
หรือกลุ่มของผู้ที่ล้างพิษด้วยการอดอาหารและดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้ ผลสำรวจพบว่า คนกลุ่มนี้มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นสดชื่นและกระฉับกระเฉงขึ้น ทั้งยังมีสติ ตื่นตัวมากขึ้น ถึงกับมีการรวมกลุ่มผู้ที่ล้างพิษขึ้น ผนวกกับชั้นเรียนโยคะ ซึ่งคนกลุ่มนี้ต่างบอกว่าวิธีนี้ช่วยให้พลังงานภายในร่างกายของพวกเขาเคลื่อนไหว จากจุดศูนย์กลางการย่อย และช่วยขับของเสียไปยังส่วนล่าง เป็นการล้างพิษทั้งระบบ คือร่างกาย จิตใจ สติสัมปชัญญะ
การล้างพิษมีประโยชน์ทางอ้อมในการช่วยลดน้ำหนัก กำจัดไขมันส่วนเกินแม้ว่าความตั้งใจจริงในการล้างพิษคือเพื่อขับสารพิษก็ตามแต่แน่นอนอยู่แล้วว่าในระหว่างการล้างพิษ คุณต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้น ลดปริมาณของไขมัน พลังงาน และคอเลสเตอรอลในอาหารลง น้ำหนักตัวที่ลดลงและสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นจะเป็นผลพลอยได้ที่พวกคุณจะต้องพอใจทีเดียว
และนอกจากการล้างพิษลำไส้ หรือระบบย่อยอาหารส่วนต่างๆ ที่เคยทำงานหนักให้สะอาดและทำงานน้อยลงแล้วอวัยวะอื่นๆข้างเคียงเช่น ตับ ถุงน้ำดี และไต ก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย

                           เหตุผลที่คุณต้องล้างพิษ

                ด้วยสาเหตุที่การกินอยู่ในปัจจุบัน คุณมีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบและปฏิบัติ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีมากจนทำให้คนเราใช้นวัตกรรมต่างๆ เหล่านั้นมาอำนวยเปลี่ยนพฤติกรรม ร่างกายถูกบังคับและปรับเปลี่ยนเวลาจนบางครั้งเกิดอาการรวนในระบบ จากเดิมที่เคยขับถ่ายในเวลาเช้าหลังจากตื่นนอน เพื่อขับถ่ายของเสียออก แต่เนื่องจากต้องออกไปทำงานในสถานที่ที่ไกลจากที่พัก คุณอดทนอดกลั้นไม่ถ่ายของเสียเพียง 2-3 วัน ระบบการขับถ่ายของคุณก็จะปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติทันที
อาหารการกินจากเดิมที่สามารถหาได้ตามธรรมชาติ อยู่ในห่วงโซ่อาหารปกติ เมื่อมีการเกิดเพิ่มขึ้น มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น คนเราก็ปรับเปลี่ยนและแทรกแซงจนทำให้ระบบห่วงโซ่อาหารผิดเพี้ยน เมื่อวิวัฒนาการทางการแพทย์ดีขึ้น ประชากรมีการเกิดมากขึ้น ทรัพยากรธรรมชาติถูกใช้ให้หมดไปอย่างรวดเร็ว คนจึงคิดค้นวิธีการเพื่อตอบสนองความต้องการ ด้วยการปลูกพืชไว้กินเอง แทนที่จะต้องออกไปหาพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เลี้ยงสัตว์และใช้สารอาหารต่างๆ เพื่อเร่งให้สัตว์เหล่านั้นเติบโตได้ทันต่อความต้องการบริโภคเพราะฉะนั้น สารพิษที่เกิดขึ้นหรือสะสมในร่างกายก็เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์เรานั้นเอง
และเพราะคนเรามีการเรียนรู้เพิ่มเติมขึ้นนั่นเอง กระบวนการล้างพิษจึงเกิดขึ้น เชื่อกันว่าศาสตร์แห่งการล้างพิษนั้น มีมาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณทีเดียว สืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนาน เหตุผลก็เพื่อให้ร่างกายปรับสภาวะสมดุลบางครั้งการบริโภคอาหารประเภทไขมันโปรตีนและแป้งเกินความจำเป็น ก็จะส่งผลกระทบให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติระบบขับถ่ายรวนเกิดไขมันสะสมเพิ่มเกินความจำเป็นฯลฯเป็นต้น
ดังนั้นเหตุผลหลักๆ ในการล้างพิษ ก็เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น พละกำลังที่เคยหดหายมีมากขึ้น และร่างกายได้รับการฟื้นฟู ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ความจำความคิดโลดแล่น และการมากระฉับกระเฉงมากขึ้น
โปรแกรมล้างพิษจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคุณ ทำให้คุณสามารถลด ละ เลิก พฤติกรรมที่ไม่ดีกับร่างกายและสุขภาพ ช่วยกำจัดของเสียต่างๆ ที่ตกค้างในร่างกายให้หมดสิ้นไป ทำให้คุณปรับเปลี่ยนนิสัยการติดอาหาร หรือสารเสพติดต่างๆ ช่วยให้คุณพบกับชีวิตใหม่ที่ปราศจากสารพิษ
การล้างพิษทำให้ประโยชน์ทางอ้อมในเรื่องการลดน้ำหนัก แม้มันจะไม่ใช่แผนการลดน้ำหนักโดยตรงก็เถิด แต่มันเหมือนเป็นแผนที่ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการมีน้ำหนักตัวที่ลดลง วางแผนในการบริโภคอาหารที่มีปริมาณพลังงานเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ช่วยให้น้ำหนักส่วนเกินและไขมันสะสมในร่างกายคุณน้อยลง
ที่สำคัญอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารจะทำงานน้อยลง และมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คุณสามารถรบสารพิษได้จากทางไหนบ้าง??


เป็นเรื่องที่คุณสมควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะเป็นการยากที่คุณจะป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับสารพิษ แต่หากคุณทราบถึงแหล่งที่มาของสารพิษตั้งแต่ต้น คุณก็สามารถจะหลีกเลี่ยงหรือลดการรับสารพิษได้ง่ายขึ้น นี่คือสรุปย่อแหล่งที่มาของสารพิษซึ่งคุณควรหลีกเลี่ยงเสียตั้งแต่วันนี้


การใช้ยา
                         


เวชภัณฑ์เพื่อการดูแลรักษาร่างกายของมนุษย์ มีคุณประโยชน์ในการรักษาอาการเจ็บป่วย ในขณะเดียวกัน มันก่อให้เกิดโทษกับร่างกายได้ไม่น้อยเช่นกัน นอกจากฤทธิ์ในการรักษา มันยังก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายอีกด้วย
ตับเป็นอวัยวะหลักที่ร่างกายใช้ทำหน้าที่ในการขับสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกาย ซึ่งหากร่างกายอยู่ในภาวะปกติตับก็จะทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อคุณเกิดภาวะเจ็บป่วย และหนึ่งมีการใช้ยารักษาเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ส่วนหนึ่งของยาจะถูกดูดซึมเข้าไปรักษาอาการในอวัยวะนั้นๆ และอีกส่วนหนึ่งจะถูกสะสมอยู่ในตับ
ซึ่งหากมีปริมาณเล็กน้อย แน่นอนว่าตับต้องทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากคุณใช้ยามากเกินไป กินยาเกินขนาด หรือใช้ยาจนเป็นกิจนิสัย สารพิษจากยาย่อมตกค้างและสะสมอยู่ในตับ เมื่อตับไม่สามารถขับสารพิษนั้นออกได้ สารพิษเหล่านั้นก็จะแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ และขัดขวางการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ ทางที่ดีคุณจึงควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยูเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยา

ดื่มแอลกอฮอล์

                              

จริงๆแล้ว แอลกอฮอล์ก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกันคือ แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้ดื่มเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย แต่นั้นหมายความว่าคุณจะต้องดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในปริมาณเพียง 1-2 แก้วเท่านั้นซึ่งในปริมาณเท่านี้ ร่างกายมีระบบกำจัดของเสียเหล่านี้ออกได้เองโดยธรรมชาติ
ในการกลับกัน หากปริมาณการดื่มหรือรับแอลกอฮอล์ของคุณเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าจะต้องมีของเสียตกค้างอยู่ในระบบและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลกระทบให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายของคุณทำงานผิดปกติซึ่งอวัยวะที่ว่านั้นก็ได้แก่ สมอง กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ผิวหนังและต่อมไร้ท่อต่างๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือตับ
เนื่องจากตับมีหน้าที่โดยตรงในการฟอก กรอง และสกัดสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อตับไม่สามารถขับสารพิษที่ร่างกายรับเข้ามาได้หมด ก็ย่อมก่อให้เกิดการสะสมและเก็บกักสารพิษไว้ เมื่อมากจนถึงระดับหนึ่ง ร่างกายก็จะแสดงอาการต่างๆ ของโรคออกมา และก่อให้เกิดโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับในที่สุด
ดั้งนั้น ทางที่ดีคุณจึงควรจะหาวิธีล้างพิษเสียก่อน ก่อนที่มันจะทำให้เกิดอันตรายแก่คุณ หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อที่ร่างกายจะไม่ต้องรับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย

การสูบบุหรี่

                            

เพราะบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารอันตรายมากถึง 4,000 ชนิด หนึ่งในสารประกอบนั้นส่งผลให้ประสาทรับรู้ตื่นตัว และลดความอยากอาหาร ไม่เฉพาะแต่ตัวผู้สูบเท่านั้นได้รับสารพิษ แม้แต่ผู้ที่อยู่ใกล้และได้กลิ่นก็รับเอาสารพิษที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม และสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายด้วย สารพิษเหล่านี้ได้แก่
สารนิโคติน
น้ำมันดินหรือทาร์
สารหนู
สารคาร์บอนมอนนอกไซด์
แอมโมเนีย

เมทิลแอลกอฮอล์

และสารโลหะหนักอีกมากมาย อาทิ คลอโรฟอร์ม โพแทสเซียม ปรอท โซเดียม ตะกั่ว ทองแดง นิเกิล ไวนิลคลอไรด์ โครเมียม รวมทั้งสารดีดีซึ่งเป็นสารตกค้างจากการพ่นยาฆ่าแมลงในไร่ยาสูบนั่นเอง
สารพิษเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายขั้นร้ายแรงทั้งต่อสุขภาพของคุณและคนรอบข้าง ควันบุหรี่ที่ประกอบด้วยสารพิษต่างๆ เหล่านี้จะเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางปอด เป็นผลเสียโดยตรงต่อหลอดเลือดและหัวใจ นอกจากนี้สารพิษเหล่านี้ยังตกค้างในเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย

เนื้อสัตว์ ตัวการสะสมพิษ

                               

ในสมัยอดีตกาลตั้งแต่ยังอยู่ในยุคหิน มนุษย์เราถูกธรรมชาติสอนให้รู้จักหาพืชผักต่างๆ มาประกอบเป็นอาหาร ต่อเมื่อมนุษย์มีความเจริญ รู้จักการเรียนรู้ สังเกต จึงเกิดการพัฒนาเรื่องอาหารการกิน เริ่มเปลี่ยนมากินเนื้อสัตว์ จากเดิมที่เคยล่าสัตว์ป่า เมื่อวิวัฒนาการมาถึงขั้นสูงขึ้น จึงรู้จักที่จะเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เมื่อมีความต้องการเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น มนุษย์เราจึงคิดค้นสารต่างๆ เพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสัตว์ให้ทันกับความต้องการ
ยาต่างๆ ถูกนำมาใช้ในสัตว์ที่เลี้ยงเป็นอาหาร โดยที่มนุษย์บางกลุ่มมิได้คำนึงผลเสียของยาหรือสารเคมีซึ่งจะตกค้างอยู่ในเนื้อสัตว์ ซึ่งเมื่อเราบริโภคเข้าไปย่อมได้รับยาหรือสารเคมีเหล่านั้นสะสมยู่ด้วย หรือหากแม้เป็นสัตว์ที่ได้จากการล่าเวลาที่มันอยู่ในความกลัวที่จะเสียชีวิตหรืออาการตื่นตกใจ สัตว์เหล่านั้นก็จะหลั่งฮอร์โมนอดรีนาลีนออกมา
แน่นอนว่ามันจะต้องปะปนอยู่กับเนื้อสัตว์เหล่านั้น ผู้ที่บริโภคย่อมได้รับสารเคมีฮอร์โมนหรือสารพิษที่ตกค้างอยู่ในเนื้อสัตว์เหล่านั้นสารพิษบางอย่างจะไปรบกวนการทำงานของอวัยวะภายใน และสารบางชนิดก็จะตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ เป็นต้นตอของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อาการกล้ามเนื้อกระตุก หรือเกิดอาการจิตประสาทได้ด้วย
อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารกระป๋องเสี่ยงภัย

                         

แทบจะทุกประเทศในโลกนี้มีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดให้ผู้คนบริโภคซึ่งโดยมากเป็นอาหารประเภทที่เน้นแป้ง เนื้อสัตว์ และไขมัน ซึ่งให้ปริมาณพลังงานมากจนเกินความจำเป็น นอกจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแล้ว อาหารฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ ยังเป็นแหล่งที่มาของสารพิษที่ตกค้างในร่างกายอีกด้วย
อีกทั้งในอาหารกระป๋องแม้จะถูกผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมทั้งการไล่อากาศ และนำไปฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยการนึ่งในหม้อความดันสูงก็ตาม แต่จุลินทรีย์หรือเชื้อบางชนิดก็ยังคงมีชีวิตอยู่ หรืออาหารบางชนิดก็จะถูกเติมวัตถุกันเสียเข้าไป เพื่อให้สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นาน
ทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ด และอาหารกระป๋องจึงเป็นแหล่งต้นตอที่ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษปนเปื้อนตกค้าง เช่น มันฝรั่งทอดที่ถูกทอดในน้ำมันปาล์มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อคุณกินมันเข้าไป น้ำมันที่ใช้ทอดเหล่านั้นจะรวมตัวเปลี่ยนเป็นเมือกหรือยางเหนียวๆ เกาะอยู่ในผนังของลำไส้ใหญ่ซึ่งยิ่งนานเข้ายางเหนียวเหล่านี้ก็จะทำให้การทำงานของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ งานวิจัยบางชิ้นบอกด้วยว่า การบริโภคน้ำมันปาล์มเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งในทางเดินอาหารได้สูงกว่าน้ำมันจากพืชชนิดอื่นๆ อีกด้วย
การดื่มชาหรือกาแฟ

                                         

คุณทราบหรือไม่ว่า นอกจากสารนิโคตินจะเป็นส่วนประกอบสำคัญในบุหรี่แล้วเครื่องดื่มที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวันอย่าง ชาและกาแฟ ก็มีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบหลักด้วยเช่นกัน สารนิโคตินมีคุณสมบัติทำให้ระบบประสารทส่วนกลางเกิดการตื่นตัว เห็นได้จากหลังการดื่มกาแฟหรือชา ผู้ดื่มจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้น
แต่ในคุณประโยชน์นิโคตินก็เป็นสารเสพติดให้โทษด้วยเช่นเดียวกัน คือสำหรับผู้ที่ดื่มชาหรือกาแฟมากเกินวันละ
 1-2 แก้ว นิโคตินที่ได้รับจะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง และเมื่อเข้าสู่กระแสเลือด นิโคตินจะไปทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งสารอิฟิเนฟริน (Epinephine) ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ ความดันโลหิตสูงขึ้น
นอกจากสารนิโคตินแล้ว กาเฟอีนก็เป็นอีกสารหนึ่งที่ผู้ดื่มชาและกาแฟจะได้รับ ซึ่งกาเฟอีนมีผลดีโดยตรงในการช่วยลดความเสี่ยงต่อสภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ แต่ในขณะเดียวกันกาเฟอีนส่งผลโดยตรงต่อกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน นอกจากนี้การได้รับกาเฟอีนเกินวันละ 200-300 มิลลิกรัมเป็นประจำจะมีผลต่อร่างกาย คือ เกิดอาการกระวนกระวาย ปวดศีรษะ อ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย
การดื่มนม

                                    
นม คือ อาหารที่เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุมากมายหลายชนิด ซึ่งการดื่มนมถูกปลูกฝังและเชื่อกันว่ามันจะให้ประโยชน์กับทั้งเด็ก ผู้หญิงมีครรภ์ และผู้ใหญ่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า น้ำนมวัวที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนี้ ความจริงแล้วมันไม่ได้เหมาะสำหรับที่จะให้มนุษย์เราๆ ดื่มเข้าไป
มีงานวิจัยเด็กที่ดื่มนมวัวเป็นประจำ จะพบว่าเด็กเหล่านี้มีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะในน้ำนมวัวจะมีสารกระตุ้นให้เกิดการตี่นตัวอยู่เสมอ เพราะตามสัญชาตญาณแล้ว ลูกวัวเป็นสัตว์ที่ต้องคอยระวังภัยอยู่ตลอดเวลา ในเด็กที่ดื่มนมวัวเป็นประจำยังเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย อีกทั้งงานวิจัยยังบอกว่า นมวัวเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย
ดังนั้นเมื่อร่างกายต้องการแคลเซียมหรือสารอาหารอื่นๆ เราอาจดื่มนมวัวได้บ้าง แต่ควรดื่มนมถั่วเหลืองหรือน้ำนมข้าวสลับกันไป
การปล่อยให้ตัวเองขาดน้ำ

                                          

น้ำ ถือเป็นส่วนประกอบหลักในร่างกาย ซึ่งเลือด อวัยวะ และของเหลวในร่างกายมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักทั้งสิ้น ถึงขนาดที่นักวิทยาศาสตร์และแวดวงสาธารณสุขย้ำเตือนกันนักหนาว่า เราต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน
น้ำที่ร่างกายดื่มเข้าไปนั่น ทำหน้าที่ควบคุสมดุลของเหลวในร่างกาย นำพาสารอาหารต่างๆ ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะภายใน และยังมีความสำคัญในการขับเคลื่อนของเสียและสารพิษตกค้างออกจากร่างกายดังนั้นหากวันหนึ่งๆคุณดื่มน้ำน้อยไม่เพียงต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากผิวพรรณที่จะดูแห้งแล้งไม่ชุ่มชื่น  ดวงตาไม่สดใสแล้วแล้ว ยังจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆที่มีผลมาจากของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายอีกด้วย
ดังนั้นการดื่มน้ำจึงนับได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากร่างกายขาดน้ำระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะทำงานผิดปกติ เซลล์ต่างๆก็จะเหี่ยวฝ่อ และเมื่อผ่านไปเพียง 3-7 วันคุณก็สามารถจะเสียชีวิตได้ทันทีเพราะในทุกๆวัน ร่างกายจะมีการขับน้ำออกมาของเสียต่างๆเช่น เหงื่อ ปัสสาวะ หรือปะปนมากับอุจจาระบางส่วนโดยประมาณแล้ววันหนึ่งๆคุณจะสูญเสียน้ำไปถึง 2000-2500 มิลลิลิตร ดังนั้นน้ำที่ดื่มเข้าไปก็จะไปทดแทนได้อย่างเพียงพอ ยกเว้นในกรณีที่คุณมีกิจกรรมซึ่งต้องเสียเหงื่อมากขึ้น แต่ทั้งนี้ความต้องการน้ำของแต่ละคน ยังแตกต่างกันไปตามเพศ อายุ สิ่งแวดล้อม และอาหารที่กินเข้าไปทุกๆวันอีกด้วย
น้ำที่คุณด้วยดื่มต้องมีความสะอาด ไม่มีสารแขวนตะกอนไม่มีโลหะหนักและสารเคมีปนเปื้อน รวมทั้งไม่ควรมีเชื้อโรค วิธีการง่ายๆที่จะทำให้เราได้ดื่มน้ำสะอาดก็คือ การนำน้ำนั่นไปต้มให้เดือดก่อน ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ยังกำจัดโลหะหนักหรือสารแขวนตะกอนบางตัวไม่ได้
ทางที่ดีคุณควรใช้น้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำที่ได้มาตรฐาน เพื่อกรองสารเคมี โลหะหนักออกไปก่อนบางส่วน แล้วจึงนำน้ำนั่นไปต้มอักครั้งเพื่อฆ่าเชื้อโรค ก็จะได้น้ำที่สะอาดเหมาะสำหรับดื่มแล้ว
 เครื่องสำอาง

                                    

เวชภัณฑ์เพื่อความสวยความงามแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายก็ตามที ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่เพิ่มเติมความสวยประเภทที่เป็นเครื่องแต่งหน้า หรือเครื่องประทินโฉมต่างๆ ตั้งแต่แป้ง โลชั่นหรือครีมบำรุงผิว หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายต่างที่คุณๆใช้กันอยู่ทุกวี่วัน
ถ้าเพียงแต่คุณจะใช้มันเฉพาะส่วนและไม่มีการรับเข้าสู่ร่างกายมันก็คงไม่ได้ปัญหาหรือทำให้เกิดสารพิษตกค้าง แต่เพราะบางครั้งคุณก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงการรับเข้าสู่ร่างกายได้ ทางที่ดีคุณควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีน้อยที่สุด เพื่อให้ระบบธรรมชาติภายในร่างกายสามารถกำจัดสารเคมีเหล่านั่นออกมาเองตามปกติ
แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั่น คุณควรจะหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้รับการรับรองหรือผลิตโดยไม่ได้รับมาตรฐาน หรือไม่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ เพราะเครื่องสำอางเหล่านั่นจะมีสารเคมีที่เป็นพิษปนเปื้อนหรือถูกนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลเสียแก่ร่างกายโดยตรง

ความเครียดหรือความวิตกกังวล

สาเหตุที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างที่สร้างผลเสียและก่อให้เกิดพิษกับร่างกาย คือ ความเครียด คุณรู้หรือไม่ว่า ความเครียดนั่นเกิดขึ้นได้ง่ายมากแค่เพียงคุณต้องเร่งรีบกับชีวิตประจำวัน การอยู่บนท้องถนนที่มียวดยานพาหนะมากมาย การคร่ำเคร่งกับงานและความรับผิดชอบ หรือแม้กระทั่งการวิตกกังวลกับสิ่งต่างๆก็นับเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดทั้งสิ้น
บางคนอาจจะคิดว่า ก็ในวันทำงานหรือแม้กระทั่งไปเรียนหนังสือคุณไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆเหล่านั่นได้อยู่แล้ว แล้วจะมีวิธีการใดที่จะหลีกเลี่ยงไม่ต้องประสบกับความเครียดล่ะ
อันที่จริง คุณสามารถจะเกิดความเครียดได้ แต่ที่สำคัญกว่านั่นคือ คุณต้องมีวิธีการอันชาญฉลาดในการที่จะรับมือและจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นต่างหาก เช่น เมื่อคุณเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงาน คุณอาจจะเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการเดินออกไปหาเครื่องดื่มเย็นๆสักแก้ว เปิดเพลงเบาๆแล้วนั่นทำงานที่คุณต้องรับผิดชอบต่อไป หลีกเลี่ยงการให้ความสนใจกับคนที่จะทำให้คุณต้องหงุดหงิดและเครียด เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้ในบ้าน

                              

แทบจะทุกบ้านมีสารเคมีอยู่ทั้งสิน เช่น ยาฆ่าแมลงหรือสารดีดีที ผงซักฟอกที่มีส่วนผสมของสารเคมี รู้หรือไม่ว่าในทุกๆวันที่คุณอยู่ร่วมกับสารเคมี บางครั้งก็รับเอาสารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพิษของสารเคมีเหล่านี้อาจไม่ได้ทำอันตรายต่อคุณทันที แต่เมื่อมันสะสมอยู่ในร่างกายของคุณจนถึงขั้นหนึ่ง มันจะทำระบบการทำงานของอวัยวะลดลง เป็นผลเสียโดยตรงต่อร่างกาย
การหลีกเลี่ยงไม่รับสารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย หรือลดปริมาณการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน ก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายคุณปลอดภัยจากสารพิษได้
ระบบภายในและการเกิดออกซิเดชัน(Oxidation)

แน่นอนอยู่แล้วว่าร่างกายคนเราต้องการออกซิเจนเพื่อช่วยให้ระบบการหายใจเป็นไปโดยปกติ เพราะออกซิเจนมีหน้าที่ลำเลียงสารพิษออกจากเซลล์ โดยนำไปกับเม็ดเลือด แต่ออกซิเจนเองสามารถทำปฏิกิริยาพันธะเคมีคู่กับธาตุอื่นๆได้อย่างง่ายดาย นั่นคือคำอธิบายของปฏิกิริยาออกซิเดชัน
ซึ่งเจ้าออกซิเดชันนี่เองที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัยอันควรรวมทั้งยังเป็นตัวที่ทำให้เกิด อนุมูลอิสระ”ตันกำเนิดของ “ มะเร็งร้าย ”ในร่างกาย แต่เนื่องจากร่างกายมีระบบที่ฉลาด สามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับสารพิษต่างๆที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็คือ “แอนดิออกซิเดชัน (Antioxidation)” ซึ่งจะช่วยยับยั้งขัดขวางปฏิกิริยาดังกล่าว
หากคุณต้องการให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ไม่ดูแก่ก่อนวัย ก็ควรจะหาสารอาหารที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้ร่างกายสร้าง “สารอนุมูลอิสระ” สารอาหารเหล่านี้ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม แคโรทีนอยด์ เป็นต้น รู้อย่างนี้แล้วคุณควรจะกินอาหารให้ครบห้าหมู่ เพื่อร่างกายจะได้สดใสเปล่งปลั่ง และปราศจากโรคภัยอีกด้วย